ป่าฮาลาบาลา เรื่องเล่าอาถรรพ์กลางป่าดิบใต้

Mirror Tale พาทุกคนล่องลึกเข้าสู่เรื่องราวอาถรรพ์ของป่าฮาลาบาลา ผืนป่าดิบชื้นที่เชื่อมต่อ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ไม่ใช่แค่แหล่งความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังเป็นที่สิงสถิตของตำนานสยองขวัญที่ถูกเล่าต่อกันมาหลายชั่วอายุคน

ซาไกดำ เผ่ากินคนแห่งป่าฮาลาบาลา

ท่ามกลางความสมบูรณ์ของต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปี มีตำนานเล่าขานถึงชนเผ่าโบราณที่ชื่อ "ซาไกดำ" ซึ่งแตกต่างจากชาวซาไกทั่วไป พวกเขาถูกเล่าว่าเป็นชนเผ่าที่มีพิธีกรรมลึกลับ บางเรื่องเล่าว่าพวกเขาพกมีดหินคมกริบ และมีประเพณีโบราณในการรับสมาชิกใหม่ด้วยการล่าผู้บุกรุกที่หลงเข้ามาในเขตศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครยืนยันได้ว่าพวกเขามีตัวตนจริง แต่เรื่องเล่าจากผู้รอดชีวิตที่หลงป่ากลับออกมาพร้อมร่องรอยบาดแผลประหลาดยังคงเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงในหมู่ชาวบ้านแถบนั้น

วิญญาณร้ายแห่งป่าฮาลาบาลา

ในใจกลางป่าฮาลาบาลา มีต้นไม้ยักษ์โบราณที่ชาวบ้านเรียกว่า "ต้นตายาย" ที่มีความสูงเกือบ 60 เมตร อายุกว่า 500 ปี เป็นที่เล่าว่าเป็นบ้านของ "ปอบลองู" วิญญาณร้ายที่มีลักษณะครึ่งงูครึ่งมนุษย์ ที่จะปลอมตัวเป็นเถาวัลย์ระโยงระยางเพื่อล่อเหยื่อที่เดินผ่าน เมื่อคนเผลอจับเถาวัลย์ จะถูกรัดและถูกกลืนเข้าไปทั้งเป็น หลายปีก่อนมีกลุ่มนักล่าสัตว์ 5 คนหายตัวไปในบริเวณนั้น และเมื่อทีมค้นหาเข้าไป พบเพียงอุปกรณ์ล่าสัตว์ที่กระจัดกระจายอยู่โคนต้นตายายเท่านั้น

อสูรแห่งป่าฮาลาบาลา

ในคืนเดือนมืด เรื่องเล่าเกี่ยวกับ "โตะปีซัย" อสูรป่าที่มีร่างกายใหญ่โตราวกับช้าง หน้าตาคล้ายลิง แต่มีเขี้ยวและกรงเล็บคมกริบ ดวงตาสีแดงก่ำเหมือนถ่านเพลิง จะออกหาเหยื่อโดยการล่อลวงด้วยเสียงกระซิบที่ฟังดูเหมือนคนที่คุณรัก คนที่ได้ยินเสียงกระซิบและหลงเดินตามไปจะไม่มีวันได้กลับบ้านอีกเลย มีนักท่องป่าหลายคนยืนยันว่าเคยได้ยินเสียงกระซิบประหลาดเรียกชื่อตัวเองในยามค่ำคืน และรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจ้องมองอยู่ในความมืด

หมอกดำแห่งฮาลาบาลา

"หมอกดำ" ปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงเดือนสิบสอง หมอกหนาทึบสีดำจะปกคลุมบางส่วนของป่า ผู้ที่เข้าไปในหมอกดำจะสูญเสียการรับรู้ทิศทาง และมักจะพบตัวเองเดินวนเป็นวงกลมกลับมายังจุดเดิม บางคนเล่าว่าได้พบเห็นภาพหลอนของคนร่อนเร่ในหมอก พยายามนำทางให้หลงเข้าไปลึกในป่า

คุณย่าวัย 80 ปีที่อาศัยในหมู่บ้านใกล้ป่ายังเล่าถึงการสูญหายอย่างลึกลับของหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านเมื่อ 60 ปีก่อน เช้าวันหนึ่งชาวบ้านหมู่บ้านใกล้เคียงออกไปค้าขายกับหมู่บ้านในป่าลึก แต่กลับพบว่าบ้านเรือนทุกหลังว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ เหมือนทุกคนในหมู่บ้านหายไปพร้อมกันในชั่วข้ามคืน บางคนเชื่อว่าพวกเขาถูกพาตัวไปโดยชนเผ่าซาไกดำ ในขณะที่บางคนสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของอสูรโตะปีซัย

ใครที่กำลังวางแผนเที่ยวป่าฮาลาบาลา อย่าลืมเคารพกฎของป่า ไม่ส่งเสียงดัง ไม่เข้าไปในเขตหวงห้าม และที่สำคัญ... อย่าออกเดินป่าในยามค่ำคืนเพียงลำพัง